เทคนิคการติดตั้งพื้นไม้ (Wood)
ก่อนการติดตั้งไม้พื้น ทั้ง 3 ชนิด คือ solid, laminate, engineered floor ควรตรวจสอบสภาพพื้นผิวที่จะทำการติดตั้งว่ามีพื้นผิวเรียบได้ระดับหรือไม่วิธีการเช็คแบบง่ายๆ คือหาไม้ที่มีความยาวประมาณ 1 เมตรขึ้นไปวางทาบลงบนพื้นผิวถ้าพื้นที่ไม่ได้ระดับเราจะเห็นแสงรอดออกมาถ้า ระดับแสงที่รอดออกมา มีมากกว่า 3-4 มม. ควรจะต้องมีการปรับระดับพื้นผิวเสียก่อนการปรับนั้นอาจจะใช้ไม้อัด วีว่าบอร์ดหรือ ปรับด้วยปูนซีเมนต์ ในการปรับระดับ ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นผิว ถ้าเป็น laminated floor และ engineered floor สามารถติดตั้งทับบนพื้นไม้ปาร์เกต์เดิมได้ถ้าปาร์เกต์เดิมไม่ชำรุดหลุดร่อน หรือติดตั้งทับบนกระเบื้อง,กระเบื้องยางหรือหินอ่อนก็ได้ กรณีถ้าพื้นไม่ได้ระดับแล้วเราทำการติดตั้งลงไปเวลาเดินเหยียบลงไปพื้นไม้ก็จะยวบตัวตามพื้นผิวด้านล่างที่ไม่เรียบและอาจทำให้เกิดเสียงขึ้นได้ เมื่อตรวจสอบพื้นผิวว่าได้ระดับแล้ว ต่อมาเราต้องตรวจสอบสภาพความชื้นของพื้นที่จะติดตั้งว่ามีความชื้นมากน้อยเพียงใด ถ้าพื้นปูนซีเมนต์ ที่เทใหม่ควรจะต้องทิ้งไว้ 3-4 สัปดาห์(ในกรณีความหนาของท้อปหน้ามากๆ) ถ้าบริเวณที่ติดตั้งไม้พื้นมีน้ำซึม, รั่ว , หรือท่อน้ำแอร์รั่วหรือบริเวณขอบเฟรมกระจกที่ติดระเบียงหรือบริเวณที่น้ำสามารถซึมผ่านเข้ามาได้ควรทำการ Test และแก้ไขให้เรียบร้อย
ก่อนติดตั้งไม้พื้น ถ้าลูกค้าไม่มีเครื่องตรวจสอบความชื้นของพื้นปูน มีวิธีง่ายๆ ที่สามารถตรวจเช็คได้ดีระดับหนึ่งคือ อาจจะนำพลาสติกใส มาวางลงบนพื้นซีเมนต์ แล้วปิดขอบด้วยเทปกาวรอบด้าน ทิ้งไว้ให้ข้ามคืน หรือ ถ้าพื้นมีความชื้นมากๆ ก็จะสังเกตเห็นได้ง่ายๆว่าพลาสติกจะขุ่น เหมือนมีไอน้ำมาเกาะ ถ้าเกิดเหตุการณ์ ในลักษณะนี้ ควรทิ้งให้พื้นแห้งเสียก่อน ไม่ควรติดตั้งไม้พื้นลงไปเพราะอาจจะทำให้ไม้พื้นขยายตัวและเสียหายได้ในภายหลัง ฉะนั้นก่อนการติดตั้งไม้พื้นทุกชนิดควร ติดต่อผู้ขายและผู้ให้บริการติดตั้งไม้พื้นทำการตรวจสอบสภาพพื้นผิวเสียเสียก่อน
การตรวจเช็คพื้นที่ติดตั้งงานพื้นไม้
1.การตรวจเช็คพื้นที่หน้างานต้องเสร็จสมบูรณ์
ก่อนดำเนินการติดตั้งพื้นไม้จำเป็นจะต้องตรวจเช็คพื้นที่หน้างานให้เสร็จบูรณ์เสียก่อน
* งานประตูหน้าต่างติดตั้งแล้วเสร็จเรียบร้อย
* งานฝ้าเพดานแล้วเสร็จเรียบร้อย
* งานระบบไฟฟ้าและ เครื่องปรับอากาศแล้วเสร็จเรียบร้อย
* งานห้องน้ำแล้วเสร็จ ปูกระเบื้องและติดตั้งสุขภัณฑ์เรียบร้อย
* งานสีผนัง และฝ้าแล้วเสร็จเรียบร้อย
2. ตรวจเช็คระดับพื้นที่จะทำการติดตั้งพื้นไม้
* พื้นปูนต้องปรับเสร็จแล้วอย่างน้อย 15 วัน เพื่อป้องกันความชื้น
* ระดับพื้นผิวต้องเรียบสม่ำเสมอ ไม่มีเศษขี้ปูนติดอยู่
* การปรับระดับความหนาพื้น ต้องแนะนำลูกค้า ให้ปรับตาม
* ความหนาของวัสดุที่ใช้ติดตั้ง เช่น การ ปูลามิเนต จะต้อง
* ใช้ความหนาของพื้นลามิเนต (ทั่วไป 8 ม.ม.) บวกด้วยความ
* ความหนาของแผ่นฟอร์มที่รองพื้น ( 2 ม.ม. ) รวมเป็น 10 ม.ม.
3.ตรวจเช็คงานบัวและตัวจบ
* บริเวณต่อพื้นไม้ชนกระเบื้องควรจบด้วย (T-joint )
* บริเวณที่ติดกับขอบประตูกระจกอลูมิเนียม ควรจบด้วยตัวฉาก ( Edging)
* บริเวณที่ติดกับเฟอร์นิเจอร์ Built-in ให้จบด้วยตัวฉาก ( Edging )
* บริเวณหน้าลูกขั้นบันได ต้องจบด้วยจมูกบันได
ขั้นตอนการติดตั้ง (Operating Procedure)
1.การติดตั้งแบบลอยตัว (Floated)
Floated การติดตั้งแบบลอยตัว การติดตั้งระบบนี้เหมาะสำหรับไม้พื้น laminated และ engineered floor คือเราจะใช้ EPE Foam รองพื้นล่าง ซึ่งคุณสมบัติของ EPE Foam คือจะช่วยกันความชื้นเพราะ EPE Foam จะมี ฟิล์มใสกันชื้นเคลือบอยู่ จึงไม่จำเป็นต้องปูพลาสติกใสรองพื้นก่อน และตัวEPE นี้จะมีความหนาประมาณ 2 มม. ซึ่งมีความยืดหยุ่นเราจะสังเกตุได้หลังจากการติดตั้งไม้พื้นแล้วเวลาเดินจะมีการให้ตัวของไม้พื้นบ้าง และจะรู้สึกนิ่มและสบายเท้ากว่าการติดตั้งระบบอื่น ข้อเสียของระบบนี้อาจจะมีบ้างเล็กน้อยคือถ้าพื้นล่างไม่เรียบ ไม่ได้ระดับ ก็จะทำให้เกิดเสียงบ้างเล็กน้อย ระบบนี้ง่ายต่อการรื้อซ่อม เพราะไม่มีการทากาวลงบนพื้น คือจะวางไม้ลงไปบน EPE Foam โดยตรง แต่จะมีไม้บัว หรือ ตัวจบงานวิ่งรอบพื้นไม้ กับผนัง เพื่อทำการกดขอบไม้พื้นด้านข้างรอบผนังไว้ไม่ให้ขยับหรือเคลื่อนตัว ข้อควรระวังสำหรับการติดตั้งระบบนี้กับไม้พื้น laminate คือถ้าพื้นที่ ที่จะติดตั้งไม้พื้น มีความยาวมากกว่า 11 เมตรx ความกว้างมากกว่า 11 เมตร หรือ มีห้องย่อย แบ่งเป็นหลายห้อง ควรจะมีตัว t-joint แบ่งระหว่างห้อง และแบ่งครึ่งระหว่างพื้นที่ ที่มีความยาวมากๆ เพื่อที่จะทำให้ไม้เป็นอิสระต่อกัน ในแต่ละส่วนเพราะไม้ laminate นั้นไม่มีการวางโครงสร้าง จะทำให้มีการขยายตัวได้รอบทิศทาง ถ้าเราไม้แบ่งด้วย t-joint แล้ว อาจจะเกิดความเสียหาย หรือไม้ดันตัว ได้ง่ายถ้าได้รับความชื้นจากภายนอกมากๆ
2. การติดตั้งโดยใช้กาว PU (Glued)
Glued การติดตั้งโดยใช้กาว PU กาวชนิดนี้เป็นกาวที่นำเข้าจากต่างประเทศ มีคุณสมบัติติดพื้นไม้ได้ดี ลักษณะการติดตั้ง คือจะใช้กาวนี้ทาที่ด้านหลังของไม้พื้น และติดลงไปกับพื้นซีเมนต์ โดยตรง หรือติดตั้งกับพื้นที่มีลักษณะเรียบได้ระดับมากๆ การติดตั้งนี้ส่วนใหญ่จะใช้กับพื้นไม้ Solidพื้นไม้จริง หรือ engineered floor เท่านั้น ไม่เหมาะกับการติดตั้งกับไม้พื้น laminate floor (ไม้เทียม หรือไม้สังเคราะห์โดยเด็ดขาด) เพราะไม้ชนิดนี้มีการขยายตัวของไม้สูงเมื่อมีกาวมายึดติดอาจทำให้ไม้เกิดความเสียหายได้ ไม้ laminate ของผู้ขายทั่วโลกจะใช้วิธีการติดตั้งแบบลอยตัวเท่านั้น ยกเว้นถ้านำมาติดตั้งพื้นที่เล็กๆ เช่น ท้อปโต๊ะ บันได ที่ต้องการความแน่นหนาเวลาเดิน ก็อาจจะใช้กาวชนิดนี้ได้ เป็นบางกรณี ข้อดีของการติดตั้งระบบนี้คือ จะทำให้พื้นไม้ที่ติดตั้งแน่นหนา เวลาเดินก็ไม่ทำให้เกิดเสียง หรือ มีลักษณะให้ตัวเหมือนการติดตั้งแบบลอยตัว ข้อเสียก็อาจจะมีบ้างก็ตอนเวลารื้อซ่อม เพราะกาวชนิดนี้จะติดแน่นมาก อีกอย่างคือราคาของการติดตั้งระบบกาว PU นี้จะสูงกว่าระบบอื่น
3.การติดตั้งด้วยวิธียิงแมกซ์ (Nailed/Stapled)
Nailed/Stapled การติดตั้งด้วยวิธียิงแมกซ์ ลักษณะจะคล้ายๆ กับการทำเฟอร์นิเจอร์ พื้นที่รองด้านล่างก่อนการติดตั้งไม้พื้นนั้นต้องเป็นไม้อัด หรือวีว่าบอร์ดเท่านั้น เพราะปืนลมที่ยิงส่งลูกแมกซ์นั้นจะสามารถยิงติดได้ดีกับวัสดุรองพื้นทั้งสองตัวนี้ การใช้ไม้อัด หรือวีว่าบอร์ดรองพื้นก่อนนั้น เพื่อเพิ่มความแน่นหนาของการติดตั้งและเป็นการช่วยปรับระดับพื้นปูนด้านล่างที่อาจจะไม่เรียบสนิท โดยที่ไม่ต้องการปรับระดับด้วยปูนซีเมนต์วิธีการคือตีไม้อัดด้วยตะปู เว้นช่องไฟระหว่างไม้อัดแต่ละแผ่นไว้พอประมาณ อาจจะใช้กาว latex หรือ coat 100 ทายึดด้านล่างบ้างเล็กน้อย หรือใช้ฝังพุค กรณีที่ตะปูตีลงยาก ต่อมาก็คือการติดตั้งไม้พื้นลงบนไม้อัด หรือวีว่าบอร์ดที่ติดตั้งรองพื้นไว้แล้ว ระบบนี้เหมาะกับการติดตั้งกับไม้พื้น Solid wood,Engineerd flooring เท่านั้น ไม่เหมาะกับไม้พื้น laminate ดังได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น แต่อาจจะยกเว้นได้บางกรณีเช่นต้องการนำไม้ laminate มาทำเป็นผนัง หรือ บันไดที่มีพื้นที่ไม่มากนัก เวลายิงแมกซ์ยึดกับไม้พื้นนั้น จะยิงลักษณะทแยงเข้ากับลิ้นของไม้พื้น และอาจจะใช้กาวบ้างเล็กน้อยทาด้านหลังไม้พื้น เพื่อให้ไม้ยึดแน่นได้มากขึ้นแต่ไม่ควรทากาวเยอะมากจนเกินไป (latex หรือ coat100) ระบบการติดตั้งลักษณะนี้ข้อดีคือจะมีความแน่นหนาแข็งแรงมากกว่าระบบอื่น รื้อซ่อมได้ไม่ยากและง่ายจนเกินไป เวลาเดินจะสัมผัสได้ว่ามีความแข็งแรง แต่อาจจะกระด้างเท้า มากกว่าสองระบบ ที่กล่าวมาข้างต้น (คือไม่นิ่มนวล เท่าที่ควรแต่แข็งแรง) ข้อเสียก็อาจจะเป็นเรื่องราคาในการติดตั้ง มีราคาใกล้เคียงกับการติดตั้งแบบใชักาว PU
การบำรุงรักษาพื้นไม้
การดูแลรักษาไม้พื้น ทั้ง 3 ชนิด คือพื้นไม้โซลิด (Solid), พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Floor), พื้นไม้ลามิเนต (Laminate Floor) นั้นทำได้ง่ายๆ ด้วยวิธีการธรรมดาในการทำความสะอาด คือกวาดพื้นด้วยไม้กวาด หรือ ใช้เครื่องดูดฝุ่น หลังจากนั้นก็ใช้ผ้าชุบน้ำเปล่าบิดหมาดๆ จนเกือบแห้งเช็ดถูพื้นไม้ให้ทั่วทุกบริเวณที่จะทำความสะอาด ถ้าลูกค้าต้องการใช้น้ำยาทำความสะอาดสำหรับพื้นไม้ก็สามารถทำได้ แต่ต้องเลือกน้ำยาที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ผสมอยู่ ข้อควรระวังในการทำความสะอาดคือไม่ควรใช้น้ำราดลงไปโดยตรงบนพื้นไม้หรือใช้ผ้าเปียกชุ่มน้ำมากๆ เช็ดพื้นไม้เพราะอาจจะทำให้อายุการใช้งานของไม้น้อยลง เนื่องจากความชื้นสามารถซึมผ่านลงไปทำความเสียหายพื้นไม้ได้ และหมั่นตรวจดูเรื่องความชื้นในส่วนอื่นๆ ที่อาจจะทำความเสียหายให้กับพื้นไม้ได้ เช่น น้ำรั่ว น้ำซึม ฝนสาด น้ำแอร์รั่ว เป็นต้น เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับการดูแลรักษาพื้นไม้ให้อยู่กับเราไปนานๆ