เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สะดวกรวดเร็ว เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ปรับระดับเรียบร้อยแล้ว เพราะกาวซีเมนต์ก็คือ ส่วนประกอบของปูนซีเมนต์พอร์ทแลนด์ ทราย และวัสดุผสมพิเศษอื่นๆ ตามแต่ผู้ผลิตแต่ละราย
* ตรวจเช็คระดับพื้นที่ที่จะทำการปูหินให้ได้ระดับตามต้องการ ถ้ามากหรือน้อยกว่าให้ทำการแก้ไข
* ล้างทำความสะอาดพื้นผิวให้สะอาดปราศจากฝุ่น น้ำมัน สี เศษปูน และสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ และกวาดน้ำที่ค้างบนผิวให้หมดก่อนที่จะใช้ซีเมนต์กาว
* ผสมกาวซีเมนต์ตามส่วนและวิธีของผู้ผลิตกาวซีเมนต์ โดยทั่วไป กาวซีเมนต์ 1 ถุง (15 – 20 kg.) ต่อน้ำ 3 – 5 ลิตร แล้วแต่ละตราผลิตภัณฑ์ว่าระบุส่วนผสมเป็นอย่างไร
* เทกาวซีเมนต์ลงบนพื้นให้เพียงพอสำหรับหินที่จะติดตั้ง ใช้เกรียงหวีฟันปลาปาดให้เป็นร่องให้ทั่ว รวมถึงบริเวณหลังแผ่นหินที่จะติดตั้งด้วย (เบอร์ของหวีแล้วแต่รุ่น, ยี่ห้อ, กาวซีเมนต์ที่ใช้) จากนั้น นำหินปูลงบนกาวซีเมนต์เคาะด้วยค้อนยางเบาๆ เพื่อให้ได้ระดับ
* ทำการจัดงานแผ่นหินและแนวร่องรอยต่อให้อยู่ในแนวเดียวกัน โดยมีร่องระหว่างรอยต่อ ประมาณ 1 – 2 มม. เมื่อวางแผ่นหินเต็มพื้นที่แล้ว แล้วควรปล่อยให้กาวซีเมนต์อยู่ตัว (ตามกำหนดระยะเวลาของกาวซีเมนต์ที่เลือกใช้) โดยในระหว่างนี้ควรทำความสะอาดหิน แล้วป้องกันด้วยแผ่นพลาสติก POLYHENE SHEET และกระดาษลูกฟูกหรือไม้อัดตามแต่สภาพหน้างาน เพื่อให้การก่อสร้างส่วนอื่นๆ สามารถทำต่อไปได้โดยพื้นผิวไม่เสียหาย
* หลังจากนั้นเป็นขั้นตอนการยาแนวรอยต่อระหว่างหิน เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกค้างตามร่องหิน โดยทำความสะอาดรอยต่อของหินด้วยการใช้เหล็กแหลมหรือแปรงแข็ง หลังจากนั้นใช้วัสดุยาแนวอัดให้เต็มแน่นเพื่อไม่ให้มีฟอง และโพรงอากาศของเศษวัสดุยาแนวที่ล้นเกินออกมารีบเช็ดออกโดยเร็วด้วยผ้าหมาดๆ ก่อนที่วัสดุยาแนวจะแข็งตัว
* การใช้กาวซีเมนต์ควรทำตามวิธีของบริษัทฯ ผู้ผลิตแต่ละยี่ห้อเท่านั้น โดยสอบถามและศึกษาวิธีใช้ของผู้ผลิตนั้นๆ
* ควรสังเกตว่ากาวซีเมนต์ที่เลือกใช้หมดอายุหรือยัง โดยปกติกาวซีเมนต์จะมีอายุประมาณ 3 เดือน นับจากวันที่ผลิต การใช้กาวซีเมนต์ที่หมดอายุ อาจจะทำให้หินที่ติดตั้งหลุดร่อนได้ในภายหลัง
3. การติดตั้งโดยใช้กาวสำหรับติดตั้งหิน
เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับปูทับพื้นเดิม เช่น กระเบื้องเซรามิค, หินอ่อน, หินแกรนิต, หินขัด, พื้นไม้อัด โดยไม่ต้องการรื้อของเก่าออกหรือใช้กับพื้นที่ที่ต้องการรีบใช้งาน
* ตรวจเช็คพื้นเก่าก่อนว่ามีการหลุดร่อนหรือแตกร้าวอยู่หรือเปล่า ถ้ามีควรทำการแก้ไขก่อน
* ล้างทำความสะอาดพื้นผิวเดิมให้สะอาดปราศจากฝุ่น, น้ำมัน และสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ และเช็ด พื้นผิวให้แห้งสนิท
* หลังจากนั้นทำตามคำแนะนำของบริษัทฯ ผู้ผลิตกาวที่เลือกใช้ เนื่องจากกาวแต่ละตราผลิตภัณฑ์
จะมีวิธีที่แตกต่างกัน
* เทกาวลงบนพื้นให้เพียงพอสำหรับหินที่จะติดตั้ง ใช้เกรียงหวีฟันปลาปาดให้เป็นร่องให้ทั่ว รวมถึงบริเวณหลังแผ่นหินที่จะติดตั้งด้วย จากนั้นนำหินปูลงบนกาว เคาะด้วยค้อนยางเบาๆ เพื่อให้ได้ระดับ
* ทำการจัดวางแผ่นหินและแนวร่องรอยต่อให้อยู่ในแนวเดียวกัน โดยมีร่องระหว่างรอยต่อ ประมาณ 1 – 2 มม. เมื่อวางแผ่นหินเต็มพื้นที่แล้วควรปล่อยให้กาวอยู่ตัว (ตามกำหนดระยะเวลาของกาวที่เลือกใช้)
* หลังจากนั้นเป็นขั้นตอนการยาแนวรอยต่อระหว่างของหินเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกตกค้างตามร่องหิน โดยทำความสะอาดรอยต่อของหินด้วยการใช้เหล็กแหลมหรือแปรงแข็ง หลังจากนั้นใช้วัสดุยาแนวอัดให้เต็มแน่น เพื่อไม่ให้มีฟองและโพรงอากาศ เศษของวัสดุยาแนวที่ล้นเกินออกมารีบเช็ดออกโดยเร็วด้วยผ้าหมาดๆ ก่อนที่วัสดุยาแนวจะแข็งตัว
ข้อควรระวัง :
* เพื่อความปลอดภัย ควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ สถาปนิกหรือบริษัทฯ ก่อนทำการติดตั้ง
การใช้กาวเป็นวิธีที่ไม่นิยมในบ้านเรา เพราะมีราคาแพง หาช่างปูยาก เพราะฉะนั้นก่อนใช้ควรปรึกษาช่างและบริษัทที่เป็นตัวแทนจำหน่ายกาวดังกล่าว
การติดตั้งผนังหินแกรนิต(Granite)
มีวิธีการหลัก ๆ 2 วิธีดังนี้
1. การติดตั้งแบบแห้ง (Dry Process / Mechanical Fixing)
* เช็คผนังที่จะดำเนินการติดตั้งว่าเป็นโครงสร้าง (ใช้เพสทยึดกับผนัง) หรือเป็นผนังก่ออิฐ หรือไม่มีโครงสร้าง (ให้ตั้งโครงเหล็กเพื่อยึดเพสท)
* ดำเนินการแผ่คัดสีหิน (จัดเป็นชุด) ให้ผู้ควบคุมงานตรวจสอบก่อนติดตั้ง
* ดำเนินการทิ้งดิ่งและหาระดับแนวการปูหินและการหาเศษของแผ่นหินตามที่รุบุไว้ในแบบอนุมัติหรือตามความเห็นของผู้ควบคุมงาน
* การเจาะหรือบากหินเพื่อยึดเพสทไม่ควรเจาะให้กว้างเกินไป เพราะจะทำให้เนื้อที่หินเหลือน้อยทำให้มีผลต่อความแข็งแรง
* การใส่ Epoxy ในร่องที่บากหินเพื่อยึดเพสท ควรใส่ให้เต็มเพื่อไปแทนที่เนื้อหินที่สูญเสียไป
* การติดตั้งควรใส่ MORTAR หลังหินแถวฐานรากให้สูงขึ้นจากระดับพื้นประมาณ 1 เมตร
เพื่อกันการกระแทกและช่วยรับน้ำหนักจากผนังหินด้านบนด้วย
หมายเหตุ:
* การติดตั้ง DRY PROCRESS เหมาะสำหรับติดตั้งกับหินที่มีการดูดซึมน้ำสูง เพราะจะช่วยในการระเหยของน้ำได้ดีและไม่เกิดการซ้ำน้ำที่ทำให้สีหินเปลี่ยนทำให้ความสวยงามลดลง
* เหมาะสำหรับงานภายนอกอาคารเพื่อลดการเกิดซัลเพล (เกลือปูน, คราบขาว)หลังการติดตั้ง
2. การติดตั้งแบบเปียก (Wet Process)
* เช็คผิวผนังบริเวณที่จะติดตั้ง ทำความสะอาดให้ปราศจากคราบน้ำมัน ฝุ่น และสกัดเศษปูนทรายที่เกาะอยู่ออกให้หมด และล้างทำความสะอาดด้วยน้ำ
* ผสมปูนทรายด้วยอัตราส่วนน้ำที่เหมาะสม และควรใช้น้ำสะอาดในการผสมปราศจากกรดหรือด่าง
* ควรใส่ตะขอ S/S เพื่อช่วยในการยึดเกาะ
* การใส่กาว RTA ต้องใส่ให้เต็มเพื่อไม่ให้เกิดการหลุดร่อน
* หลังปูหินแล้วเสร็จทิ้งให้ MORTAR แข็งตัวโดยไม่ถูกกระทบกระเทือนเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 วัน
* ยาแนวรอยต่อด้วยกาวซีเมนต์สำหรับยาแนว ทิ้งไว้จนปูนยาแนวแห้งหมาด ๆ จึงเริ่มเช็ดทำความสะอาดคราบน้ำปูนที่ติดอยู่บนแผ่นหินออกให้เรียบร้อย
การดูแลรักษาหินแกรนิต(Granite)
ก่อนการติดตั้งหินแกรนิต ผู้ใช้ควรจะมีการป้องกันการซึมของน้ำชั้นต้น ตั้งแต่พื้นปูนไปจนถึงเนื้อหินเอง เพื่อช่วยลดการซึมของน้ำ (Water Marks) โดยใช้ผลิตภัณฑ์กันซึมที่ใช้กับหินแกรนิตโดยเฉพาะ ทั้งนี้ควรทาน้ำยากันซึมทั้ง 6 ด้านของเนื้อหิน แล้วทิ้งไว้อย่างน้อย 1 วันเต็ม เพื่อให้น้ำยากันซึมเข้าไปทำปฏิกิริยากับหิน จากนั้นนำหินที่ทาน้ำยาไว้ผึ่งลมปล่อยให้แห้งสนิท
ข้อควรระวัง :
สำหรับการดูแลรักษาพื้นผิวของหินแกรนิต คือ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและขัดเงา ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ควรใช้ อย่างมากกับการทำความสะอาดหินแกรนิต คือ ผงซักฟอก หรือน้ำยาขัดห้องน้ำ ตลอดจนน้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์เป็นกรด รวมทั้งน้ำมันก๊าดหรือน้ำมันมะกอก เพราะจะทำให้ผิวของหินด้าน หมดสภาพความเงา ส่วนปัญหาของคราบสกปรกที่เกิดจากสนิมเหล็ก, ยางไม้, น้ำปูน ฯลฯ ที่อาจเกิด จากการใช้งาน ก็ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเฉพาะเพื่อใช้ในการขจัดคราบสกปรกดังกล่าว ไม่ให้ทิ้งร่องรอยไว้บนพื้นหิน หลังจากการใช้ผลิตภัณฑ์ ทำความสะอาดแล้ว ควรใช้น้ำยาขัดเงาเป็นแวกซ์ชนิดน้ำที่เรียกว่า Liquid Wax